วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ไม่มีแล้วคนนั่งกินข้าวตรงหน้า

ไม่มีแล้วคนนั่งกินข้าวตรงหน้า
ไม่มีแล้ววาจาอันสดใส
ไม่มีแล้วคำปลอบโยนด้วยหัวใจ
ไม่มีแล้วไม่มีคัยไม่มีเทอ
ไม่มีคนร่วมตากแดดร่วมตากฝน
ไม่มีคนคอยเคียงข้างอยู่เสมอ
ไม่มีคนทุกวันเห็นทุกวันเจอ
ไม่มีเทอฉันจะสุขใด้อย่างไร
ลาแล้วเพื่อนวันวานอันหวานฉ่ำ
ลาแล้วจำไมตรีอันดีใว้พวกเราเป็นเพื่อนกันตลอดไป
ลาแล้วใจ ลาแล้วจาก ไม่อยากลา
ไม่มีแล้วโรงเรียนระเบียบจัด
ไม่มีแล้วโต๊ะเพิ่งขัดอยากให้เขียน
ไม่มีแล้วฝ่ายปกครองไล่นักเรียน
ไม่มีแล้วพวกท้าเซียนเกรียนทุกคน
ไม่มีแล้วสนามบาสดูเพื่อนเล่น
ไม่มีแล้วตอนเย็นๆตั้งวงแฉ
ไม่มีแล้วพวกหน้าวอกแป้งเด็กแคร์
ไม่มีแล้วป้าแก่ๆขายข้าวแกง
ไม่มีแล้วสนามบอลที่เคยใช้
ไม่มีแล้วสปอตไลท์ที่ไร้แสง
ไม่มีแล้วใอ้พวกชอบแสดง
ไม่มีแล้วคัยคอยแกล้งเมื่อจากกัน
ไม่มีแล้ววันเวลาแสนสนุก
ไม่มีแล้วคืนแสนสุขที่แปรผัน
ไม่มีแล้วเพื่อนสนิทนิจนิรันดร์
ไม่มีแล้วเพื่อนกันตลอดไป
คำว่าเพื่อน มีค่าหนัก กว่าคำไหน
คำว่าเพื่อน มีค่าหนัก กว่าคำไหน
คำว่าเพื่อน คือค่าใจ และค่าจิตคำว่าเพื่อน ควรค่า คะนึงคิดคำว่าเพื่อน คือมิตร ตลอดกาล

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551

ท้ายที่สุดแล้ว


ท้ายที่สุดแล้ว เราจะไม่ถามว่าธรรมชาติ

จะรองรับความต้องการของเราอย่างไร แต่จะถามว่า

เราจะรองรับความต้องการของธรรมชาติอย่างไร

การมีชีวิตอยู่คือการเลือก

การมีชีวิตอยู่คือการเลือก แต่การเลือกที่ดี
คุณต้องรู้ว่า คุณคือใคร คุณยืนหยัดเพื่ออะไร
คุณต้องการจะไปที่ไหน และทำไหมคุณถึงต้องไปที่นั่น

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2551

วิถีชีวิตของคนเราไม่หมือนกัน

วิถีชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน
อย่านำชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
เพราะนั่นคือ
การสร้างปมด้อยให้ตัวเอง
ชีวิตใครก็เป็นของคนคนนั้น
ชีวิตคุณก็มีค่าในตัวคุณ
ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร



ชีวิต....
ถ้าเลือกได้
ทุกคนย่อมอยากได้สิ่งที่ดีที่สุด
ชีวิต....
เลือกเกิดไม่ได้
แต่สามารถเลือกทางเดินในชีวิตได้
เลือกที่จะดี ที่จะเลวได้
เพราะคุณคือ .... เจ้าของชีวิต


ถ้าคุณคิดว่า
คุณมีความทุกข์
ไม่มีใครอีกแล้วที่ทุกข์ยากลำบากเหมือนคุณ
นั่นเป็นความเข้าใจผิดที่สุด
เพราะยังมีคนอีกแสนล้านบนโลก
ที่ทุกข์เหมือนคุณ หรือมากกว่าคุณอีก
คนเราต่างก็มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น
ทุกข์คนละอย่าง ทุกข์คนละเรื่อง
เพราะโลกมนุษย์...
ไม่มีใครที่สมบูรณ์ไปหมดทุกคน

ถ้าสี่ปีที่นี้ไม่มีอะไร

ถ้าสี่ปีที่นี้ไม่มีอะไร
ยังลอยมาลอยไป ในโลกกว้าง
เราคือใครก็ไม่รู้ไม่แคลงตลาง
ไม่รู้จักแม้จักวางตัวอย่างไร
ถ้าเช่นนั้น
ชีวิตเธอเป็นโมฆะ ปริญญาคือขยะ คือหยากไย่
คือทางผ่านให้ก้าวมา แล้วก้าวไป
มหาวิทยาลัยคือตึกโตอยู่เต็มเมือง

มองแต่แง่ดีเถิด



เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย

จะหาคน มีดี โดยส่วนเดี่ยว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง ฯ

จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า

เขาเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของเรา
เขาเป็นเพื่อนเวียนว่ายอยู่ในวัฎฎสงสาร ด้วยกันกะเรา
เขาก็ตกอยู่ได้อำนาจกกิลเส เหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง
เขาก็มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่น้อยไปกว่าเรา
เขาย่อมพลั้งเผลอ บางคราว เหมือนเรา
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เหมือนเรา ไม่รู้จักนิพพานเหมือนเรา
เขาโง่ในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยโง่
เขาก็ตามใจ ตัวเองในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยกระทำ
เขาก็อยากดี เหมือนเรา ที่อยาก ดี-เด่น-ดัง
เขาก็มักจะกอบโกย และเอาเปรียบเมื่อมีโอกาสเหมือนเรา
เขาเป็น คนธรรมดา ที่ยึดมั่น ถือมั่น อะไรต่างๆเหมือนเรา
เขาไม่มี หน้าที่ ที่จะเป็นทุกข์ หรือตายแทนเรา
เขาเป็น เพื่อน ร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา
เขาก็ ทำอะไร ด้วย ความคิดชั่วแล่น และผสุนผลัน เหมือนเรา
เขามีหน้าที่ รับผิดชอบ ต่อครอบคัวของเขา มิใช่ของเรา
เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเรา
เขามีสิทธิ ที่จะเลือก(แม้ศาสนา) ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะใช้ สมบัติ สาธารณะ เท่ากับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะขอความช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจ เท่ากับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะได้รับอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือ เสรีนิยม ตามใจเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นผู้อื่น
เขามีสิทธิ แห่งมนุษย์ชน จะไม่มีการ ขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น

ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการ ขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น

พุทธทาส อินทปัญโญ

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551